เมื่อสมัยเด็ก ๆ หลายคนอาจจะเคยเห็นคุณแม่หรือญาติ ๆ ที่เป็นผู้หญิงพก ยาสตรี ติดบ้านเอาไว้เสมอ ด้วยเหตุผลที่ว่ากินเพื่อช่วยให้เลือดลมเดินดี แล้วในความจริงยาสตรีมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง หากกินบ่อย ๆ จะมีโอกาสทำให้แท้งได้ง่าย ๆ จริงไหม ติดตามอ่านกันได้เลย!
ยาสตรีคืออะไร
“ยาสตรี” เป็นยาสมุนไพรแผนโบราณที่มีรูปแบบทั้งเป็นน้ำ เม็ด และแคปซูล มีขายตามท้องตลาดทั่ว ๆ ไปและมีมากมายหลายชนิด เช่น ยาสตรีเบนโล ยาสตรีฟลอร่า นิสิงเห สตรีเพ็ญภาค ว่านชักมดลูก ฯลฯ ทางแพทย์แผนไทยถือว่าเป็นยาร้อนที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง มีสรรพคุณเรื่องช่วยในการแก้ปวดประจำเดือน ขับน้ำคาวปลา ฟอกเลือด หรือช่วยให้ประจำเดือนที่มาไม่ปกติกลับมาเป็นปกติ จึงมีโฆษณาชวนเชื่อว่ากินยาสตรีแล้วจะทำให้มดลูกกระชับตามมาด้วย แต่ในความจริงแล้วไม่เป็นแบบนั้น การกินยาสตรีที่มีฮอร์โมนเพศสูงเป็นประจำจะทำให้มดลูกหนาตัว ปากมดลูกใหญ่ และช่องคลอดบวม ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าช่องคลอดคับจนกลายเป็นช่วยให้กระชับมดลูกนั่นเอง
ส่วนประกอบของยาสตรี
ยาสตรีนั้นสกัดมาจากสมุนไพรหลายชนิด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ออกฤทธิ์ขับลม บำรุงร่างกาย บำรุงเลือด เช่น น้ำมันสะระแหน่ ดอกคำฝอย ชะเอม ขิง เป็นต้น ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ได้มีผลในการช่วยขับเลือดประจำเดือนแต่อย่างใด
กลุ่มที่ 2 ออกฤทธิ์ฮอร์โมน เช่น ว่านชักมดลูก กวาวเครือขาว เป็นต้น กลุ่มนี้กินแล้วกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว ซึ่งหลาย ๆ คนเข้าใจผิดว่าสามารถกินเพื่อใช้ในการทำแท้งได้จนนักเรียนนักศึกษาบางคนนำไปใช้แบบผิด ๆ แม้กลุ่มที่ 2 นี้มีการทำงานคล้าย ๆ กับยาปรับฮอร์โมน เมื่อหยุดกิน 2 – 3 วันฤทธิ์ฮอร์โมนจะหมดไปทำให้มีประจำเดือน แต่ในคนท้องจะมีการสร้างฮอร์โมนออกมาเองตลอดเวลา ดังนั้นแม้จะกินยาสตรีมากขนาดไหนก็ไม่สามารถทำให้เลือดออกจนแท้งได้อย่างที่ใครหลาย ๆ คนเข้าใจผิดกัน
กลุ่มที่ 3 แอลกอฮอล์ เป็นการสกัดตัวยาจากสมุนไพรออกมา ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ายาสตรีมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย และแอลกอฮอล์นี้เองที่เป็นปัญหาให้กับคนท้องที่เมื่อคนท้องกินเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้ลูกในท้องมีความผิดปกติของสมอง ใบหน้า และการเจริญเติบโตได้
ข้อควรระวังในการใช้ยาสตรี
แม้ว่ายาสตรีจะดูไม่เป็นอันตรายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงใด ๆ ผู้ที่ต้องการใช้ยาสตรีจึงควรพึงระวังอันตรายดังต่อไปนี้
-อาจก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอกของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี อาทิ บริเวณเต้านม มดลูก ปากมดลูก รังไข่ ซึ่งยาสตรีจะเข้าไปกระตุ้นให้มะเร็งกำเริบ ตลอดจนเนื้องอกหรือซีสต์โตขึ้นได้ ดังนั้นผู้ที่มีอาการหรือมีความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ดังที่กล่าวไปควรหลีกเลี่ยงยาสตรีไปก่อน
-อาจทำให้เกิดการอักเสบบริเวณช่องคลอด ปากมดลูก หรือมดลูก โดยที่ยาจะทำให้เนื้อเยื่อบวมมากขึ้น เกิดการตกขาว และทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้นได้
-คนที่เป็นโรคหัวใจหรือเป็นความดันโลหิตสูง เช่น เส้นเลือดอุดตันหรือเป็นเส้นเลือดขอดจนต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือด การกินยาสตรีเข้าไปก็จะยิ่งทำให้เส้นเลือดอุดตันมากขึ้นอีก
-สตรีที่ให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง เพราะเมื่อรับประทานยาสตรีจะทำให้น้ำนมที่ออกมามีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมด้วยเช่นเดียวกัน และอันตรายอย่างยิ่งเพราะอาจทำให้ลูกมีเลือดออกในสมองได้
-ผู้ที่ประจำเดือนมามากกว่าปกติหรือมีอาการปวดประจำเดือนที่เกิดจากโรคช็อกโกแลตซีสต์ ควรอยู่ให้ห่างจากยาสตรีเนื่องจากจะทำให้ตกเลือดหนัก อีกทั้งยังจะทำให้โรคช็อกโกแลตซีสต์เป็นได้มากขึ้นอีก
-การดื่มยาสตรีติดต่อกันนาน ๆ จะทำให้ผู้ใช้เริ่มติดและส่งผลเสียต่อตับได้
บุคคลที่ห้ามกินยาสตรี
การกินยาสตรีแต่น้อยและไม่กินบ่อยจนติดก็สามารถช่วยบำรุงเลือดให้ดีขึ้นได้จริง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ที่อยู่ในสภาวะดังต่อไปนี้ไม่ควรกินยาสตรีเป็นอันขาดแม้ว่าต้องการกินเพื่อช่วยบำรุงเลือดก็ตาม ได้แก่ สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยที่มีไข้สูง ผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์ ผู้ที่กินยาต้านการแข็งตัวของเลือด เป็นมะเร็งหรือเนื้องอกของอวัยวะสืบพันธ์สตรี เช่นเต้านม มดลูก ปากมดลูก รังไข่ เป็นต้น ผู้ที่มีมีการอักเสบที่ช่องคลอด ปากมดลูก หรือมดลูก บุคคลที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว หรือเป็นความดันโลหิตสูง เส้นเลือดอุดตัน เส้นเลือดขอด หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ รวมถึงคุณแม่ที่อยู่ในช่วงให้นมลูกด้วย เพราะอาจจะยิ่งทำให้อาการของโรคที่เป็นแย่ลงได้
สำหรับผู้ที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติและต้องการใช้ประโยชน์จากยาสตรีจริง ๆ ก็สามารถใช้ได้โดยต้องระมัดระวังให้ดี แต่หากไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ก็ควรเลี่ยง เพราะการกินหรือใช้ยาพร่ำเพรื่อนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีต่อร่างกายเท่าไรนัก
อ่านบทความ ฝังยาคุม มีข้อดีข้อเสีย และมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
เครดิตรูปภาพทั้งหมด : www.pexels.com