รู้ไหมว่า ไส้เลื่อน เป็นโรคที่เกิดขึ้นในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง และบริเวณที่พบบ่อยที่สุดก็คือ “ขาหนีบ” ทำให้มีโรคที่ชื่อว่าไส้เลื่อนขาหนีบเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นโรคที่มีลักษณะอาการยังไงบ้างนั้น ที่นี่มีคำตอบให้เช่นเคย
ทำความรู้จักกับ ไส้เลื่อน ขาหนีบ
อย่างที่เกริ่นไว้ว่าไส้เลื่อนชนิดนี้มีโอกาสเกิดขึ้นในผู้ชายสูงกว่าผู้หญิง อาจเป็นได้ตั้งแต่เกิดหรือเพิ่งพบเพราะผนังกล้ามเนื้ออ่อนแอ กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง มีรูรั่ว มีแรงดันในช่องท้องสูงจากพฤติกรรมการยกของหนัก เบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะ ไอจามแรง ๆ รวมถึงการออกกำลังกายที่หักโหม ผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปมักจะมีโอกาสเป็นไส้เลื่อนขาหนีบมากกว่าผู้ชายอายุยังน้อย ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานไส้เลื่อนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วไหลลงอัณฑะ และจะเรียกว่าไส้เลื่อนลงไข่นั่นเอง
หากเป็นไส้เลื่อนขาหนีบจะมีอาการอย่างไร
หากคุณเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบหักโหม ออกกำลังกายหนัก ๆ และมักจะเบ่งอุจจาระไม่ออกเพราะท้องผูกอยู่บ่อยครั้ง ในตอนนี้อาจจะเริ่มสงสัยและเป็นกังวลแล้วว่าตนเองกำลังเป็นโรคไส้เลื่อนหรือไม่ ซึ่งวิธีตรวจเช็กอาการของไส้เลื่อนขาหนีบนั้นสามารถทำได้โดยการคลำบริเวณขาหนีบ หากพบเจอก้อนบริเวณขาหนีบนั่นอาจหมายถึงมีอาการของไส้เลื่อน จึงควรสังเกตต่อไปว่าก้อนเนื้อดังกล่าวนั้นโตขึ้นเมื่อไอหรือจามอย่างรุนแรง หรือขณะที่ยกของหนักหรือไม่ และถ้าหากมีอาการปวดบริเวณที่คลำเจอก้อนเนื้อนั้นก็ชัดเจนว่าคุณเป็นโรคไส้เลื่อนเข้าให้แล้ว ซึ่งนอกจากนี้ก้อนเนื้อที่โผล่ออกมายังมีเสียงคล้ายเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้อีกด้วย
ไส้เลื่อนขาหนีบแต่ละชนิด
ไส้เลื่อนขาหนีบเป็นไส้เลื่อนที่พบได้บ่อยกว่าไส้เลื่อนชนิดอื่น ๆ ซึ่งไส้เลื่อนขาหนีบก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1.ไส้เลื่อนขาหนีบที่เคลื่อนออกมาจากรูเปิดบริเวณขาหนีบ (Indirect inguinal hernia)
ไส้เลื่อนขาหนีบชนิดนี้มีรูที่เปิดมาตั้งแต่กำเนิด ทำให้ไส้เลื่อนสามารถเลื่อนผ่านมาจนถึงถุงอัณฑะได้
2.ไส้เลื่อนขาหนีบบริเวณขาหนีบ (Direct inguinal hernia)
ไส้เลื่อนขาหนีบชนิดนี้เกิดจากการหย่อนของผนังหน้าท้องบริเวณส่วนล่าง ทำให้มีลำไส้ยื่นนูนออกมาบริเวณหัวเหน่า
ภาวะแทรกซ้อนจากไส้เลื่อนขาหนีบ
ภาวะแทรกซ้อนอย่างแรกที่จะเกิดขึ้นจากการเป็นไส้เลื่อนขาหนีบก็คือ “ลำไส้เน่า” ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนและบิดตัวของลำไส้จนเลือดไม่สามารถไหลเวียนได้ตามปกติ ทำให้มีอาการปวดท้องในลักษณะที่เหมือนโดนบิด รู้สึกอยากอาเจียน และมีความดันโลหิตต่ำ
นอกจากนี้คุณผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อนขาหนีบยังเสี่ยงต่อภาวะลำไส้อุดตันได้ด้วย โดยที่อุจจาระหรืออาหารจะไม่สามารถไหลผ่านลำไส้ได้ ทำให้เกิดอาการผายลม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด และปวดท้องแบบมวนท้อง
การรักษาอาการไส้เลื่อนขาหนีบ
วิธีการรักษาไส้เลื่อนให้หายไปแน่นอนว่าจะต้องเป็นการผ่าตัด มีทั้งสิ้น 2 แบบด้วยกัน คือ
1.การผ่าตัดไส้เลื่อนแบบผ่านกล้อง
การผ่าตัดแบบนี้แผลจะเล็กมาก ๆ แม้แต่ผู้ที่เข้ารับการรักษาก็จะมีความรู้สึกเจ็บน้อย เนื่องจากแพทย์ทำการผ่าตัดผ่านรูเล็ก ๆ เพียง 1 เซนติเมตรที่เจาะบนผนังหน้าท้อง แล้วค่อยสอดกล้องและเครื่องมือเข้าไปตรวจดูอวัยวะภายใน ซึ่งแผลจะเล็กมาก ๆ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ และมีความระคายเคืองน้อยมาก ๆ สำหรับวิธีนี้ยังมีข้อดีในเรื่องของการพักรักษาตัวหลังผ่าตัดด้วย เพราะสามารถฟื้นตัวได้เร็ว แม้แต่นักกีฬาฟุตบอลทีมชาติชื่อดังหลายคนที่เคยผ่าตัดลักษณะนี้มาแล้วก็สามารถกลับไปเตะฟุตบอลอาชีพได้ภายในไม่กี่สัปดาห์
2.การผ่าตัดไส้เลื่อนแบบเปิดหน้าท้อง
การผ่าตัดแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ไม่สามารถดมยาหรือบล็อกหลังได้ โดยแพทย์จะปิดแผ่นตาข่ายไว้นอกช่องท้อง ซึ่งข้อดีของการผ่าตัดด้วยวิธีนี้คือสามารถทำภายใต้ยาชาเฉพาะที่ได้ และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการผ่าตัดไส้เลื่อนแบบผ่านกล้อง
การดูแลตนเองหลังเข้ารับการรักษา
โรคไส้เลื่อนแม้หายแล้วก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำหลังจากผ่าตัดไปแล้ว ซึ่งทำได้โดยการเลี่ยงยกของหนัก ๆ เพราะการยกของหนักจะเกิดการออกแรงเบ่งจนมีแรงดันในช่องท้องสูง อาจทำให้ไส้เลื่อนได้ ควรต้องงดเบ่งอุจจาระหรือปัสสาวะ โดยจะต้องฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา และทานอาหารที่มีกากใยไฟเบอร์เป็นประจำ นอกจากนี้ก็ยังต้องเลี่ยงการไอหรือจามแบบรุนแรงอีกด้วย จึงควรดูแลตัวเองไม่ให้มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นหวัด
เห็นไหมว่าไส้เลื่อนขาหนีบเป็นปัญหาที่ไม่เล็กเลยสำหรับคุณผู้ชาย โดยเฉพาะเมื่อยิ่งอายุมากขึ้นโรคต่าง ๆ ก็เริ่มถามหา ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ชายทั้งหลายควรจะดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่อายุยังน้อย และทางที่ดีก็ควรตรวจสุขภาพประจำปีไม่ให้ขาด
อ่านบทความ หูดหงอนไก่ชาย มีสาเหตุมาจากอะไร มีอาการและวิธีป้องกันรักษาอย่างไรบ้าง
Credit : ต้นไม้, สัตว์เลี้ยง, ที่พัก, เสริมสวย, แฟชั่นผู้หญิง, เครื่องสำอาง