อาการ ส้นเท้าแตก แม้จะดูเป็นเรื่องไกลตัวเพราะมันอยู่ตรงเท้า แต่สำหรับสาว ๆ บางคนก็มีความกังวลใจในปัญหานี้ เนื่องจากอยากดูสวยเรียบเนียนตั้งแต่หน้าลงไปยันเท้า แล้วรอยแตกแบบนี้จะมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง มาติดตามกันเลย
ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร
การมีปัญหาส้นเท้าแตกลาย ไม่เนียนเรียบเหมือนเคยนั้นเกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอากาศที่แห้งหรือหนาวเกินไป การอาบน้ำร้อนจัดหรือแช่น้ำร้อนจัดเป็นเวลานานบ่อย ๆ คนที่ดื่มน้ำน้อยก็มีโอกาสทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่ายเพราะผิวขาดน้ำ ถ้ายิ่งไม่ทาครีมบำรุงผิวที่บริเวณเท้าอีกก็จะประสบปัญหาส้นเท้าแตกได้ บางคนใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้งง่ายก็ทำให้ผิวเท้าไม่มีความชุ่มชื้น การเดินเท้าเปล่าไปมาบ่อย ๆ แม้ว่าจะเป็นในบ้านก็ทำให้ส้นเท้าแตกได้เช่นกัน หรือแม้แต่การใส่รองเท้าที่เปิดส้นอยู่เสมอก็เสี่ยงให้ส้นเท้าปะทะกับแดดจนมีเปอร์เซ็นต์การแตกมากกว่าการสวมรองเท้าแบบปิดมิดชิด และโดยเฉพาะคนที่เป็นโรคอ้วน มีน้ำหนักตัวเกิน หรือเป็นโรคเบาหวานนั้นจะทำให้ส้นเท้ามีรอยแตกได้ง่าย เนื่องจากน้ำหนักตัวทั้งหมดถูกย่ำลงไปอยู่ที่เท้าที่เดียว
หลาย ๆ ปัจจัยทั้งหมดนี้ล้วนแต่ก่อให้เกิดปัญหา ส้นเท้าแตก ได้ทั้งสิ้น แต่ใครจะเป็นมากเป็นน้อยก็ต่าง ๆ กันไปตามสภาพร่างกายและสภาพแวดล้อมของแต่ละคน
ส้นเท้าแตกอันตรายไหม
บางคนอาจจะคิดว่าปัญหาส้นเท้าแตกนั้นสร้างความกวนใจในเรื่องของความไม่สวยงามเท่านั้น แต่ใครจะรู้บ้างว่าหากปล่อยให้ส้นเท้าแตกไปเรื่อย ๆ นั้นจะสามารถเกิดการเจ็บหรือแสบบริเวณรอยที่แตกได้ด้วย ยิ่งในกรณีที่ส้นเท้าแตกลึกก็ยิ่งมีโอกาสติดเชื้อรุนแรงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคอ้วนกับโรคเบาหวานอยู่แล้ว รอยแตกจะสร้างแผลที่ลุกลามมากขึ้น ๆ
วิธีรักษาอาการส้นเท้าแตก
1.วิธีที่ได้ผลดีที่สุดนั่นก็คือการทาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว โดยต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตมาเพื่อลดรอยแตกของส้นเท้าโดยเฉพาะ เพราะจะทำให้ช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกลายได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารไดเมทิโคน (Dimethicone) ที่เป็นตัวช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้งด้วย เพื่อจะได้แก้ทั้งปัญหาผิวและผิวยังได้รับการปกป้องควบคู่กันไป
2.ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ 7 - 8 แก้วต่อวัน หรือดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5 - 3 ลิตร ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดีจากภายในออกมาสู่ภายนอก และได้ผลดีในระยะยาวเมื่อทำควบคู่กับการทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
3.เลิกใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้ง โดยเฉพาะสบู่ก้อนที่มีค่า pH สูง ให้หันมาใช้สบู่เหลวจะตอบโจทย์มากกว่า และควรเลือกสบู่เหลวที่ผลิตมาเพื่อบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นโดยเฉพาะ
4.สวมใส่รองเท้านุ่ม ๆ ที่มีพื้นรองเท้าแบบถนอมเท้า (ปัจจุบันนี้รองเท้านุ่มเหมือนเหยียบอึกำลังมาแรง หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แรง) หรือจะสวมถุงเท้าหนา ๆ ไว้ก็ช่วยลดปัญหารอยส้นเท้าแตกไม่ให้ลุกลามได้
5.ลดน้ำหนักให้กลับมามีสุขภาพที่ดีตามเกณฑ์ เพราะเรื่องความอ้วนส่งผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายหลายส่วน ไม่เพียงเฉพาะทำให้มีปัญหาส้นเท้าแตกเท่านั้น ทางที่ดีควรหันกลับมาดูแลตัวเองอย่าให้เป็นคนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน แต่ไม่ต้องถึงกับผอมหุ่นดี แค่ทำให้ร่างกายสมส่วนก็เพียงพอ
6.ถ้าหากพยายามรักษาด้วยตัวเองแล้วอาการส้นเท้าแตกยังไม่ดีขึ้น แถมยังลุกลามหนัก ทั้งเจ็บทั้งแสบจนรบกวนชีวิตประจำวัน ก็ควรจะพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งแพทย์อาจจะให้ยาทาหรือยากินในเบื้องต้น ถ้าไม่หายก็อาจต้องผ่าตัดเนื้อตายเพื่อตัดเอาหนังที่แข็งและหนาออกไปก่อน ซึ่งก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยและช่วยยับยั้งไม่ให้รอยส้นเท้าแตกอักเสบลุกลามได้
หลาย ๆ คนได้อ่านแล้วก็คงไม่คิดว่าปัญหาหยุมหยิมอย่างการมีรอยส้นเท้าแตกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดได้ และไม่ว่าปัจจุบันจะมีวิธีการรักษาที่มีคุณภาพอย่างไร แต่การดูแลร่างกายทุกส่วนให้ดีก่อนเกิดปัญหานั้นเป็นเรื่องดีที่สุด
อ่านบทความ 5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณเริ่มมี “อาการโรคซึมเศร้า”
เครดิตรูปภาพทั้งหมด : www.freepik.com