อาการท้องเสียเป็นอาการที่ไม่ตลกและไม่สนุกเลยสำหรับคนที่ป่วย เพราะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียจนไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือใช้แรงได้ตามปกติ ดังนั้นจึงต้องบำรุงด้วยการกินอาหารบางประเภท แล้ว ท้องเสียกินอะไรดี กินอะไรไม่ดีบ้างนั้น มาดูกันเลย อย่าเลื่อนผ่านเด็ดขาด
ท้องเสียเกิดจากอะไร
อาการท้องเสียเกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ สาเหตุ แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ท้องเสียนั้นมักเกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาด มีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ทำให้เกิดอาการท้องเสียขึ้น รวมถึงการที่นำมือสกปรกหยิบจับอาหารก็ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้
นอกจากนี้ อาการท้องเสียอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ที่มาจากพฤติกรรม เช่น ความเครียด วิตกกังวล ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป เป็นต้น
อาหารที่ควรกินตอนท้องเสีย
เมื่อเกิดอาการท้องเสียสิ่งที่สำคัญมาก ๆ อย่างแรกคือการหยุดกินอาหารให้ได้ภายใน 2 - 4ชั่วโมง และควรดื่มเพียงน้ำเปล่า หรือจิบเกลือแร่เป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ หากมีอาการหนักประมาณหนึ่งสามารถกินยาบรรเทาอาการท้องเสียร่วมด้วยได้ ตัวยาจะไปช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและบรรเทาอาการท้องเสียลง
ในส่วนของอาหารที่หลายคนอาจสงสัยว่า ท้องเสียกินอะไรดี นั้น อาหารที่สามารถกินได้หลังจากปล่อยให้ท้องว่างไปแล้ว 2 - 4 ชั่วโมง ได้แก่ อาหารย่อยง่ายที่อยู่ในกลุ่มอาหาร B-R-A-T ซึ่งเป็นอาหารที่เหมาะกับคนที่มีอาการท้องเสีย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ขนมปังเปล่า ๆ ไม่ทาแยม เนย หรือมีนมเป็นส่วนผสม อาจจะเป็นขนมปังปิ้งก็ได้ นอกจากนี้ก็ยังมีกล้วยน้ำว้า แอปเปิล นมเปรี้ยว โยเกิร์ตที่มีความคงตัวสูง เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะช่วยปรับสมดุลทางเดินอาหารให้กับร่างกาย แต่รสชาติของอาหารที่ควรกินหลังจากท้องเสียจะต้องเป็นรสจืดเท่านั้น ไม่ควรกินอาหารที่ปรุงรสจัด ๆ
อาหารที่ไม่ควรกินตอนท้องเสีย
เมื่อรู้แล้วว่า ท้องเสียกินอะไรดี ไปบ้างแล้ว ก็ควรจะมารู้กันต่อว่าอาหารอะไรที่ยังไม่ควรกินตอนท้องเสีย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
-อาหารที่มีกากใย เช่น ผัก ผลไม้ แม้ว่าจะสามารถกินกล้วยน้ำว้ากับแอปเปิลได้ แต่ผลไม้อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ก็ยังไม่ควรกินเพราะไม่ค่อยมีสารเทนนินที่ช่วยแก้อาการท้องเสีย
-อาหารที่ย่อยยาก เช่น อาหารทะเล แป้งที่มีส่วนผสมของเนย บรรดาเนื้อสัตว์ต่าง ๆ จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหารทำให้การรักษาอาการท้องเสียล่าช้าลงอีก
-อาหารที่มีรสจัด เช่น ส้มตำ ต้มยำ อาหารเค็มจัด เปรี้ยวจัด หรือแม้แต่รสหวานจัด
-อาหารหมักดองทุกชนิด อย่างเช่น ปลาร้า หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง ผลไม้แช่อิ่ม กิมจิต่าง ๆ เพราะเป็นอาหารที่มีคลอสติเดียมและโบทูลินัมที่เติบโตได้ดีในภาชนะที่ปิดสนิท ซึ่งเจ้าสารตัวนี้มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการท้องเสียท้องร่วงได้
-อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
-เครื่องดื่มอย่างนม แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ
อย่างไรก็ตามหากกำลังท้องเสียอยู่ไม่ควรจะกินอาหารในปริมาณที่มากเกินไป อย่างการกินบุฟเฟ่ต์ หรือแม้แต่การพยายามอดหนึ่งมื้อหรือหนึ่งวันแล้วไปกินแบบจัดหนักในมื้อต่อไปหรือวันต่อไป
ยาแก้ท้องเสียแต่ละชนิด
สำหรับบางคนที่ท้องเสียหนักจนต้องพึ่งยา และไม่แน่ใจว่าท้องเสียกินอะไรดี สามารถเลือกพิจารณาได้ตามนี้
-ยาผงถ่าน ช่วยลดอาการแน่นท้อง ทำให้อุจจาระเหลวน้อยลง โดยให้กินยา 2 เม็ดทันทีที่มีอาการ และกินซ้ำได้ทุก 3 - 4 ชั่วโมง ตามความรุนแรงของอาการ หากถ่ายบ่อยหรือถ่ายเป็นน้ำให้กินยาให้ถี่ขึ้นได้ แต่ไม่ควรกินยาผงถ่านเกิน 16 เม็ดต่อวัน
-ผงเกลือแร่ ORS เป็นตัวยาชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ โดยให้ชง 1 ซองผสมกับน้ำสะอาดตามปริมาณที่ระบุไว้ที่ชองยา จะดื่มจนหมดหรือค่อย ๆ จิบเรื่อย ๆ เมื่อมีอาการคลื่นไส้ก็ได้
-ยาโลเพอราไมด์ เช่น อิโมเดียม หรือ โลเพอราไมด์ จีพีโอ ยาประเภทนี้ให้ใช้ในกรณีที่กินยาทั้ง 2 ชนิดข้างต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น แต่ไม่ควรใช้หากถ่ายออกมาเป็นมูกปนเลือด
เมื่อรู้แล้วว่า ท้องเสียกินอะไรดี หรือกินอะไรแล้วไม่ดีก็อย่าลืมจดจำความรู้พื้นฐานเพื่อนำไปใช้ เพราะอาการท้องเสียอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ข้อสำคัญเลยก็คือไม่ควรซื้อยาปฏิชีวนะใช้เอง ควรจะพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับฟังข้อแนะนำมาปฏิบัติตามจะดีที่สุด
เครดิตรูปภาพทั้งหมด : https://pixabay.com/th/
อ่านบทความ แชมพูลดผมร่วง ยี่ห้อไหนดี แก้อาการผมร่วงได้อยู่หมัด